ประวัติความเป็นมาของ “พุทธสถานภูดานไห”

ประวัติความเป็นมาของ “พุทธสถานภูดานไห”
28/03/2022 ธรรมดีทัวร์

ประวัติความเป็นมาของ “พุทธสถานภูดานไห”

📍 พุทธศักราช 2550

▶️ เริ่มต้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2550 โดยองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช ได้เดินธุดงค์มายังสถานที่แห่งนี้ ซึ่งแต่ก่อนเป็นสถานที่รกร้าง ป่าเต็งรัง แห้งแล้ง ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ

ในปีนั้นแล้งมาก ชาวบ้านไม่มีน้ำจะทำนา ชาวบ้านแถวนั้น พอได้ทราบข่าวว่าจะมีพระมาอยู่จำพรรษาที่ภูดานไห ก็ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า “หากพระที่มาอยู่จำพรรษาเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ขอให้ฝนตกลงมา ขอให้มีน้ำทำนา” ก็ปรากฏว่าวันแรกที่ท่านได้มาเหยียบสถานที่แห่งนี้ ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก จนชาวนามีน้ำเพียงพอในฤดูทำนาปีนั้น หลังจากนั้นพื้นที่แห้งแล้ง ก็ค่อยๆมีป่าสมบูรณ์ขึ้นมา

▶️ ชื่อ “ภูดานไห” เป็นชื่อของคนท้องถิ่นเรียกกัน ชาวบ้านเรียกกันมาแต่โบราณ เพราะมีบ่อหินธรรมชาติ

ภู คือ ภูเขา
ดาน คือ ลานหิน
ไห คือ บ่อธรรมชาติ

สมัยนั้นมาอยู่ใหม่ๆ ไม่มีโอ่ง ไม่มีที่เก็บน้ำฝน ท่านเลยบอกกับชาวบ้านว่าพื้นที่บริเวณนี้ มันเป็นไห ให้ขุดเอาดินออกแล้วเราจะเจอไหหิน เจอบ่อ พอได้เก็บน้ำ รองรับน้ำได้

ตอนแรกชาวบ้านก็ไม่เชื่อ แต่หลังจากนั้นชาวบ้านก็มาช่วยกันขุดดินออกจากบ่อ ใช้เวลาเป็นอาทิตย์ ถึงจะเอาดินออกหมด แล้วก็มีน้ำซึมออกมาในบ่อจริงๆ พอฝนตกก็ได้อาศัยบ่อนี้ เก็บน้ำฝน รองรับน้ำฝน เพื่อที่จะได้ใช้เป็นน้ำสรง อุปโภคบริโภคภายในวัด แต่ก่อนไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกอะไร ท่านก็ได้อาศัยน้ำฝนในบ่อแห่งนี้

ตอนมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ ก็ยังไม่ได้สร้างอะไร ต้องอาศัยอยู่กระต๊อบมุงหญ้า ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ คนที่มาทำบุญก็ต้องหิ้วน้ำขึ้นมาด้วย ไฟก็ไม่มี ต้องอาศัยเทียน อยู่กับแสงเดือนแสงดาว การบิณฑบาตก็ต้องเดินเท้าจากวัดไปกลับประมาณ 10 กว่ากิโล

S__7741602

————–

📍 พุทธศักราช 2554

▶️ ในช่วงแรกนั้นทางวัดยังไม่ได้สร้างอะไรเนื่องจากป่าไม้ยังไม่อนุญาต จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2554 ทางป่าไม้ได้อนุญาตให้ตั้งเป็นสำนักสงฆ์โดยถูกต้องตามกฎหมาย สามารถสร้างสิ่งปลูกสร้างได้ 15 ไร่ และดูแลรักษาพื้นที่ป่าอีก 150 ไร่ หลังจากปี พ.ศ. 2554 จึงได้เริ่มสร้างสิ่งต่างๆ เป็นต้นมา

————–

📍 พุทธศักราช 2557

▶️ หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2557 จึงเริ่มสร้างศาลาปู่ใหญ่ล้านบารมี ซึ่งมีพระสีขาวองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ภายใน มีชื่อเรียกว่า “พระพุทธเกศแก้วเกศาธรรม”

โดยมีที่มาของชื่อเรียกนี้ เนื่องจากก่อนหน้านั้น ท่านได้มีนิมิตมงคล เห็นคนโกนเกศาของหลวงปู่มั่น และเค้าได้ปล่อยให้เกศาหลวงปู่มั่นร่วงลงบนพื้น ท่านเลยได้รีบเอามือไปรองรับเกศาที่ร่วงลงมา แล้วก็บอกกับเค้าว่า ทำไมถึงปล่อยให้เส้นผมของพระอรหันต์ร่วงหล่นลงพื้น มันไม่เหมาะสม ไม่สมควร ในขณะที่ท่านเอามือไปรองรับเส้นผม ก็ปรากฏว่าเส้นผมจากที่เป็นสีขาว สีดำ ก็แปรสภาพเป็นพระธาตุสีแก้วใสสันฐานเหมือนไข่ปลา

ท่านก็เลยคิดว่าต่อไปในกาลข้างหน้าหากมีวัด
ก็จะตั้งชื่อว่า เกศแก้วเกศาธรรม

“เกศแก้ว” หมายถึง เส้นผมที่กลายเป็นแก้ว เป็นพระธาตุ

“เกศาธรรม” แปลว่า ยอดของธรรม ก็เหมือนกับเส้นผมของหลวงปู่มั่น

แต่ท่านก็กลัวคนจะหาว่าแอบอ้างหลวงปู่มั่น ก็เลยไม่ได้นำมาตั้งเป็นชื่อวัด เลยยังคงใช้ชื่อว่าภูดานไหเหมือนเดิม เหมือนที่ชาวบ้านเรียกกันมา

ต่อมาเมื่อมีโอกาสสร้างพระปู่ใหญ่ (พระประธานสีขาวองค์ใหญ่ภายในศาลา) เลยได้ตั้งชื่อตามนิมิตว่า

“พระพุทธเกศแก้วเกศาธรรม”

S__7741604

————–

📍 พุทธศักราช 2558

▶️ ต่อมาก็ได้เริ่มสร้างเจดีย์พระธาตุเตโช โดยใช้เวลาประมาณ 3 ปี ได้อาศัยชาวบ้านช่วยกันขนหิน ขนทราย เดินเท้ามาช่วยกันสร้างจนแล้วเสร็จ

S__7741606

โดยก่อนที่ท่านจะมาสร้างที่นี่ ท่านได้ปรากฏนิมิตเห็นรอยพระพุทธบาทเสด็จลงมาจากฟ้า เหมือนดาวตกสีเขียวอมเหลือง ลอยลงมาจากบนฟ้า ซึ่งเป็นนิมิตที่หมายถึงว่าต่อไปในกาลข้างหน้าจะได้มาสร้างวัด ในสถานที่ที่มีรอยพระพุทธบาท ต่อมาเมื่อมาอยู่ภูดานไหแล้ว ก็ปรากฏเห็นรอยพระพุทธบาท เหมือนกับรอยที่ได้นิมิตเห็นว่าเสด็จลอยมาจากบนฟ้า

ซึ่งปัจจุบันรอยพระพุทธบาทนี้ได้ประดิษฐานอยู่ภายในถ้ำ โดยได้สร้างพระธาตุเตโชขึ้นมาครอบไว้ในภายหลัง และได้สร้างพญานาค 9 เศียรไว้ด้านหน้าทางเข้าพระธาตุเตโช

S__7741605

▶️ พญานาค 9 เศียร เหตุที่ได้สร้างนั้น เนื่องจากตอนมาอยู่ภูดานไหได้ 2 ปี ท่านได้นิมิตเห็นพญานาค 9 เศียร ลอยมาเต็มท้องฟ้า ขอว่าอยากมาอยู่ด้วย อยากมาสร้างบารมีร่วมกัน ท่านก็คิดไว้ว่า ถ้ามีโอกาสก็อยากจะสร้างพญานาค

ต่อมาหลังจากสร้างถ้ำเจดีย์พระธาตุเตโชแล้วเสร็จ ท่านจึงได้วาดรูปพญานาค 9 เศียร ตามที่เห็นในนิมิต ให้ช่างปั้น หลังจากปั้นเสร็จ ท่านก็ได้มาลงสีพญานาคด้วยตัวเอง โดยได้ประดิษฐานไว้ด้านหน้าถ้ำ ตามที่ได้เคยตั้งใจไว้

S__7741608

————–

📍 พุทธศักราช 2563

▶️ ในช่วงก่อนปี พ.ศ. 2563 ท่านได้นิมิตเห็นพวกบังบด ลับแล ซึ่งอาศัยอยู่บน “ภูมะตูม” (อยู่ใกล้ๆกับภูดานไห) ได้ลงมาจากภูเขา มาทำบุญ มาไหว้พระ

พระอินทร์เลยมาขออาราธนานิมนต์ให้ท่านสร้างพระ เพื่อจะให้พวกบังบด ลับแล เค้าได้มากราบ มาไหว้

พระองค์แรกที่เริ่มแกะสลัก จึงได้มีชื่อเรียกว่า “พระพุทธอินทรานิรมิต” หลังจากนั้นพอคิดจะสร้างเพิ่ม ก็สร้างได้เร็วได้ไวเหมือนกับเนรมิต สมกับที่พระอินทร์อยากให้สร้าง

S__7741613

ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปปูนปั้น พระพุทธรูปแกะสลักจำนวนมากมาย รวมถึงถ้ำนครพุทธานุภาพ ที่ได้เริ่มสร้างในปี พ.ศ. 2563 ทั้งหมดใช้เวลาเพียง 2 ปีกว่าๆ ก็สำเร็จตามความตั้งใจ

————–

▶️ ในช่วงแรกๆที่ท่านมาอยู่ที่ภูดานไห ได้มีอีกนิมิตนึง คือ ท่านเห็นน้ำท่วม ท่วมจนกุฏิน้อยๆลอยมาตามน้ำ แล้วมาหยุดอยู่ตรงธารน้ำที่ไหลออกมาบริเวณภูดานไห แล้วก็มีคนนุ่งขาวห่มขาว (ในจิตรู้ว่าคนเหล่านั้นเป็นพญานาค) ซึ่งอายุก็ไม่ได้มาก พากันมาต้อนรับ

พอท่านมาอยู่ภูดานไหได้ไม่นาน ขณะนั่งภาวนาอยู่ในห้อง ท่านได้มองทะลุผนังออกไป ก็เห็นผู้คนหลั่งไหลเดินขึ้นมา ซึ่งแต่ก่อนตรงนั้นยังไม่ใช่ทางขึ้นลงของวัด ก็เลยได้รู้ว่าต่อไปกาลข้างหน้าผู้คนจะหลั่งไหลขึ้นมาทำบุญมากมาย แต่ในตอนนั้นยังเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าในขณะนั้น บริเวณพื้นที่ตรงนั้น ก็ยังไม่มีทางขึ้นวัดเลย

แต่พอปัจจุบันนี้ก็ได้เห็นเป็นตามนั้น ผู้คนหลั่งไหลมาจริงๆ ทางขึ้นทางลงที่เห็นก็เป็นไปตามนิมิต ที่ได้เปลี่ยนมาขึ้นทางด้านหน้าในปัจจุบัน ซึ่งแต่ก่อนทางขึ้นวัดจะอยูด้านหลัง แต่สมัยนี้ด้านหลังได้ล้อมรั้วปิดไปแล้ว

————–

📍 ปัจจุบัน

▶️ ที่ภูดานไหแห่งนี้ สร้างขึ้นมาด้วยพระเพียงรูปเดียว และคนกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น

โดยช่างแกะสลักพระ ก็มีเพียง 2 คน เป็นพี่น้องกัน ส่วนงานพื้น งานเหล็ก งานปูน ก็มีช่างเพียงคนเดียว งานปั้นพระก็เป็นช่าง 2 พี่น้องเช่นกัน ช่างเหล่านี้ก็เป็นชาวบ้าน ชาวนา พอถึงหน้านาก็ไปทำนา พอเสร็จจากนา ก็มาร่วมกันสร้างวัด

▶️ ตั้งเริ่มต้นจนถึงปัจจุบันที่ภูดานไห ไม่มีกฐิน ไม่มีผ้าป่า ไม่มีเรี่ยไรแจกซองขาว อาศัยลูกศิษย์ลูกหา กลุ่มเล็กๆ ช่วยกันทำ ช่วยกันสร้าง ตามความปรารภของครูบาอาจารย์

แม้กระทั่งงานพุทธศิลป์ต่างๆภายในวัด ท่านก็ได้ออกแบบ ทาสี และควบคุมการก่อสร้างทั้งหมดด้วยตัวท่านเอง

▶️ แต่ก่อนนั้น ที่ภูดานไห พระพุทธรูปแม้องค์เล็กๆสักองค์ก็ยังไม่มีให้กราบไหว้บูชา “ท่านจึงวาดภาพพระพุทธเจ้า เอาไว้กราบไหว้ บูชา ยามเวลาไหว้พระสวดมนต์ ทำวัตร เช้า เย็น” และได้แต่คิดในใจว่า ถ้าเรามีวาสนา มีโอกาส “เราจะสร้างพระพุทธรูปให้เต็มวัด” (เพราะใจเรามีแต่พระพุทธเจ้า)

“สิบกว่าปีที่ได้สร้างภูดานไห” จากสถานที่รกร้าง ป่าเต็งรัง แห้งแล้ง โทรมๆ “มาบัดนี้ ภูดานไหเจริญขึ้นมาก” ด้วยบารมีของ องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช

หากสนใจร่วมเดินทางกับเรา <โปรดคลิ๊กดูรายละเอียด

AD_ร้อยเอ็ด5

S__7741612 S__7741618 S__7741617 S__7741619 S__7741621 S__7741620 S__7741615 S__7741611 S__7741610 S__7741607

Comments (0)

Leave a reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *

*

คุณอาจจะใช้ป้ายกำกับและคุณสมบัติ HTML เหล่านี้ได้: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <s> <strike> <strong>