วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๕ เป็นวันคล้ายวันเกิดของหลวงปู่บัวเกตุ ปทุมสิโร “พระมหาเถระผู้มีจริยวัตรงามดั่งดอกบัว” เจริญอายุวัฒนมงคลลครบ ๘๘ ปี หลวงปู่บัวเกตุ เป็นพระคณาจารย์ที่ประชาชนในภาคตะวันออกและทางภาคเหนือ มีความเคารพศรัทธาเลื่อมใสเป็นอย่างมาก ท่านเป็นพระบริสุทธิสงฆ์ผู้ตั้งมั่นในความประพฤติปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด ตามหลักพระธรรมวินัยทุกประการ ไม่ยอมก้าวล่วงแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม นับเป็นพระเถราจารย์ที่กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ
ลูกหลานขออาราธนาอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย ขอให้หลวงปู่บัวเกตุ มีธาตุขันธ์แข็งแรงอยู่เป็นร่มโพธิธรรมสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาสืบนานเท่านานเทอญ
กรรมอันใดที่ลูกหลานเคยประมาทพลาดพลั้งไปด้วยกายวาจาใจ ขอหลวงปู่ โปรดงดโทษล่วงเกินเหล่านั้นด้วยเทอญ
ธรรมอันใดที่องค์หลวงปู่ได้รู้แจ้งเห็นจริงแล้ว ขอลูกหลานได้มีโอกาสได้รู้ธรรมเห็นธรรมนั้นด้วยเทอญ
ธรรมเทศนาภาวนาเพื่อให้เห็นทุกข์
ความเกิดนี้ก็เป็นทุกข์ด้วย พิจารณาความเกิดว่าเป็นทุกข์อย่างไร เห็นคนทั้งหลายพอถึงวันเกิด ก็ทำบุญเลี้ยงเพื่อนเลี้ยงฝูงสนุกสนาน วันเกิดไม่น่าเป็นทุกข์ นี่แหล่ะคือกิริยาเหล่านี้บังทุกข์ไว้ ถ้าพิจารณาว่าถึงวันเกิดเข้าไปอีก ๑ ปีแล้ว หมดไป ๑ ปีแล้ว ปีหน้าวันเกิดอีก หมดไปอีกแล้ว ..
โอวาทธรรมหลวงปู่บัวเกตุ ปทุมสิโร
ชีวประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่บัวเกตุ ปทุมสิโร (พระครูวิบูลย์ธรรมกิจ) สถานะเดิมท่านชื่อ “พันธุ์บัวเกตุ แซ่สิ” เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี แรม ๓ ค่ำ เดือน ๗ ปีจอ ตรงกับวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๔๗๗ บิดาชื่อ “ตงหริ่น แซ่สิ” (เกิดประเทศจีน) มารดาชื่อ “นางเปีย แสงศรี” เกิด ณ บ้านสวน หมู่ที่ ๒ ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มีพี่น้องร่วมกัน ๖ คน
เมื่ออายุได้ ๕-๖ ขวบ พอถึงฤดูหนาวประมาณเดือนกุมภาพันธ์ จะมีพระธุดงค์มาปักกลดที่ป่ามะม่วง หลังโรงเรียนบางละมุง ตกเย็นญาติโยมจะนำน้ำปานะบ้าง ตังเมบ้างไปถวาย พอตอนบ่ายๆ โยมบิดาก็เคี่ยวน้ำตาลกระจกหรือซื้อน้ำตาลกรวดบ้างไปถวาย และโยมบิดาจะพาไปด้วยทุกครั้ง ที่ชอบมากก็คือได้รับความเมตตาจากพระธุดงค์ผูกข้อมือ “ผูกของเหนียว” จึงเกิดความผูกพันและคิดว่าถ้าเราโตได้บวชจะขอบวชเป็นพระธุดงค์ มีความรู้สึกชอบพระป่าตั้งแต่นั้นมา
เมื่ออายุได้ ๗ ปี บิดาได้นำไปฝากเข้าเรียนหนังสือกับครูใหญ่โรงเรียนเจริญราษฎร์(เมืองพัทยา ๒) พอเข้าเรียนปีแรก ก็เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง บ้านเมืองจึงตกอยู่ในภาวะสงคราม เกิดอาการขัดสนทางด้านอาหาร เสื้อผ้าและอุปกรณ์การเรียน
เรียนได้ปีเดียว บิดาได้ถึงแก่กรรม เมื่อสิ้นบิดาก็ทำให้ครอบครัวลำบากยิ่งขึ้น จึงต้องรับจ้างฝั้นเชือกทำสายสมอเรือ ได้ค่าจ้างวันละ ๕๐ สตางค์ ขณะนั้นมีทหารเรือมาประจำอยู่ ได้แนะนำให้ชาวบ้านทำน้ำตาลมะพร้าว สงครามยิ่งรุนแรงก็ยิ่งขัดสนเครื่องอุปโภคบริโภคมากขึ้น มารดาจึงนำไปฝากอยู่กับหลวงตาแดง วัดช่องลม สงครามโลกสงบ พอดีจบชั้น ป.๔ แต่ขณะนั้นยังไม่มีที่จะเรียนต่อ
• บรรพชาอุปสมบท
พออายุย่าง ๒๐ ปี เมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๔๙๗ โยมมารดาได้นำไปฝากวัดกับหลวงปู่เผือก ฉนฺนเถระ(พระครูวิบูลย์ธรรมกิจ) เจ้าอาวาสวัดช่องลม ได้รับการอบรมสั่งสอนและฝึกซ้อมขานนาคจากหลวงพ่อบุญมี อคุคปุญฺโญ รองเจ้าอาวาส ท่านจะเน้นหนักเรื่องอักขระมคธมาก อยู่วัดได้สองเดือนจึงได้อุปสมบท เมื่อวันขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะเมีย ตรงกับวันจันทร์ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๔๙๗ เวลา ๑๑.๐๕ น. โดยมี พระเทพกวี(จั่น วิจัญฺจโล) วัดเทพศิรินทราวาส เป็นพระอุปัชฌาย์ พระราชเมธากรกวี(สุบิน สุเมโธ) วัดเทพนิมิตร เป็นพระกรรมวาจาจาย์ พระครูชลโธปมคุณ(ปุ่น ชยปุณฺโณ) วัดเขาบางทราย เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ณ พัทธสีมาวัดช่องลม ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้รับฉายาว่า “ปทุมสิโร” เมื่อบวชแล้วเปลี่ยนชื่อและนามสกุลเป็น “บัวเกตุ กิจสุภาพศิริกุล”
• ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติและปกครองคณะสงฆ์
ในพรรษาแรกท่านได้ศึกษาเล่าเรียนทางปริยัติธรรมในสำนักของวัดช่องลมนาเกลือ สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรีถึงนักธรรมชั้นเอกในปี พ.ศ.๒๔๙๙ ท่านได้เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมประจำสำนักของวัดตั้งแต่นั้นมาจนถึงปี พ.ศ.๒๕๒๕ เป็นเวลานานถึง ๒๖ ปี
ในพรรษาที่สองของท่าน หลวงพ่อบุญมี อคฺคปุญฺโญ รองเจ้าอาวาสวัดช่องลม ถูกให้ไปเป็นเจ้าอาวาสที่วัดโพธิสัมพันธ์ ซึ่งมีผู้ศรัทธาบริจาคที่ดินสร้างวัด ในส่วนของทางวัดช่องลมจึงไม่มีพระเก่าอยู่เลย เหลือหลวงปู่เผือก ฉนฺนเถระ กับท่านเพียง ๒ รูป ท่านจึงต้องช่วยงานต่างๆ ของทางวัด จัดทำบัญชี สอนนาค ท่องปาฏิโมกข์ สอนปริยัติธรรม การฝึกเป็นครูสอนปริยัติธรรม
ท่านเล่าให้ฟังว่าขณะนั้นหลวงปู่เผือก ฉนฺนเถระ อายุ ๘๓ ปีแล้ว การสอนนั้นไม่ใช่ของง่ายเลย พื้นฐานทั้งทางโลกและทางธรรมก็น้อย ประสบการณ์ต่างๆก็ยังมีไม่พอ ด้วยความมานะพยายาม ท่านจึงได้ค้นคว้าอ่านตำรับตำราและต้องจำให้มากๆ ไว้ก่อน ฝึกคิด ฝึกทำ และฝึกพูด สิ่งใดที่ขัดข้องจนปัญญาก็ไปที่วัดศรีมหาราชา สอบถามกับพระเถระผู้ใหญ่เช่น พระครูใบฎีกาผัด พระครูปริยัติวราทร(ผิว ปนฺนโท) เจ้าคณะตำบลในสมัยนั้นอยู่เสมอๆ ในที่สุดท่านก็สามารถสอนได้ ปี พ.ศ.๒๔๙๙ ท่านได้รับสมณศักดิ์เป็น พระครูใบฎีกาบัวเกตุ ฐานานุกรมในท่านพระเขมทัสสีชลธีสมานคุณ(เอี่ยม เมฆิโย) เจ้าคณะจังหวัดชลบุรีฝ่ายธรรมยุต
หลังจากที่หลวงปู่เผือก ฉนฺนเถระ มรณภาพแล้วพระภิกษุสงฆ์และชาวบ้านทั้งหลาย ได้นิมนต์ท่านทำหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาสวัดช่องลมนาเกลือ พ.ศ.๒๕๐๓
พอถึง ปี พ.ศ.๒๕๐๕ ท่านพระครูใบฎีกาบัวเกตุ ปทุมสิโรได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดช่องลม เมืองพัทยา จ.ชลบุรีโดยสมบูรณ์ ในระยะแรก มีผู้ศรัทธาท่านไม่มากนัก เพราะท่านมีพรรษาน้อยยังหนุ่มอยู่ ประกอบกับขณะนั้น ทางวัดมีปัญหามาก ถึงกับในบางพรรษา มีท่านกับสามเณรรูปเดียวเท่านั้น สมัยนั้นทางวัดอัตคัดขัดสนมาก บ่อยครั้งท่านต้องเอาน้ำตาลทรายมาเคี่ยวให้เดือดจนเป็นตังเม แล้วจึงเอามาฉันร่วมกับพระเณรในวัด แต่ท่านก็ไม่ย่อท้อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวของท่าน ว่าต้องทำให้ได้และให้ดี ท่านได้พยายามศึกษาหาความรู้ สอบถามผู้รู้เก่าๆ ที่เคยบวชมาก่อน ว่าแนวทางที่ครูบาอาจารย์สมัยก่อนท่านทำกันมาอย่างไร ท่านปฏิบัติตนตามแนวทางของพระธรรมวินัยและบูรพาจารย์มาอย่างสม่ำเสมอมิได้บกพร่อง โดยที่ไม่ให้ใครมาว่าท่านได้ ท่านยังใช้วิธีการให้ญาติโยมของทางวัดช่วยสอดส่องดูแลการประพฤติปฏิบัติของพระเณร เมื่อไปนอกวัด โดยท่านเข้มงวดต่อการนุ่งห่ม การสำรวมระวังในทุกอิริยาบถของพระเณร ถ้าอบรมสั่งสอนศิษย์โดยรวมถึงเรื่องวัตรปฏิบัติที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย และสอนลูกศิษย์อยู่เสมอว่า ” การสอนที่ยากที่สุดคือการสอนตนเอง” ทุกเรื่องที่จะอบรมสั่งสอนท่านได้ปฏิบัติตนเป็นอย่างที่ดีสมฐานะของความเป็นผู้นำหมู่คณะที่ควรแก่การเคารพยิ่ง ท่านได้ปกครองพระภิกษุสามเณรตามแนวทางของพระธรรมวินัยและบูรพาจารย์มาด้วยดี
มาปี พ.ศ.๒๕๑๒ ท่านพระครูใบฎีกาบัวเกตุได้รับการแต่งตั้งเป็น พระครูวิบูลธรรมกิจ (บัวเกตุ ปทุมสิโร) และได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูอุปัชฌาย์ในเวลาต่อมา ตลอดระยะเวลาที่ท่านพระครูวิบูลธรรมกิจได้ปกครองดูแลวัดช่องลมนี้มา ท่านสั่งสอนอบรมพระภิกษุสามเณรและอุบาสกอุบาสิกาภายในวัดให้มีความรู้ในพระธรรมวินัยด้วยดี
• การบําเพ็ญสมณธรรม
ท่านพระครูวิบูลธรรมกิจ (พระอาจารย์บัวเกตุ ปทุมสิโร) เป็นพระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย สนใจและปฏิบัติในทางสมถะและวิปัสสนากัมมัฏฐาน พร้อมกันนั้นท่านก็แสวงหาครูบาอาจารย์เพื่อศึกษาวิธีการปฏิบัติที่ถูกต้อง จะได้นําเอามาอบรมสั่งสอนศิษย์และญาติโยมต่อไป เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ท่านได้เดินทางไปเรียนวิปัสนากัมมัฏฐานกับหลวงปู่จ่าง วัดน้ำตกพริ้ว จ.จันทบุรี ได้ปฏิบัติอยู่ด้วยประมาณหนึ่งเดือน แต่ด้วยความเป็นห่วงหลวงปู่ (หลวงปู่เผือก ฉันโน) ที่อยู่วัดเพียงลําพัง จึงกลับมาอุปัฏฐากหลวงปู่ ในช่วงเวลานั้นท่านได้ปฏิบัติด้วยตนเองอยู่เสมอ
ในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ พระครูโสภิตบรรณากร ได้แนะนําแนวทางการปฏิบัติสมถวิปัสนากัมมัฏฐาน ของหลวงปู่พล ธัมมปาโล (พระครูสังวรธรรมานุวัตร) วัดหนองคณฑี อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ใช้คําภาวนาว่า “สัมพุทโธ” ท่านปฏิบัติจนสามารถนํามาใช้อรมสั่งสอนภิกษุสามเณรและญาติโยมในวัดมาตลอด
• ธุดงค์ท่องถิ่นธรรมพระกัมมัฏฐาน
ท่านเริ่มออกธุดงค์ปฏิบัติธรรมครั้งแรก หลังจากออกพรรษาและมีการสอบธรรมสนามหลวงแล้วในปี พ.ศ. ๒๕๑๖ ในการออกธุดงค์ครั้งนี้ได้ไปด้วยกัน ๓ รูป มีตัวท่าน พระพล ธีรพโล (พระครูวรพรตศีลขันธ์) ปัจจุบันอยู่ที่สหรัฐอเมริกา พระประเสริฐ ฐิตโสภโณ (ผู้บันทึกและปัจจุบันลาสิกขาแล้ว) ได้เตรียมเครื่องอัฐบริขารที่จําเป็นต่อการธุดงค์ แต่เนื่องจากยังไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย เมื่อได้ธุดงค์ด้วยเท้าแล้วจึงเกิดความยุ่งยากลําบากพอสมควร เป็นเพราะอัฐบริขารเหล่านั้นมีน้ำหนักมาก ท่านได้ออกเดินทางออกจากวัดในวันพุธที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ.๒๕๑๖ ตอนเช้ามืดโดยโยมประจวบ โศภารักษ์ ขับรถไปส่งที่วัดพระพุทธบาท จ.สระบุรี เพื่อจะได้กราบนมัสการพระพุทธบาทและกราบหลวงปู่พล ธัมมปาโล วัดหนองคณฑี เพื่อขอคําชี้แนะจากท่าน หลังจากได้สนทนาพอสมควรจึงกราบลาหลวงปู่และกราบพระพุทธรูปที่วัดแล้วออกเดินทางด้วยเท้าไป ตามเส้นทางรถไฟสายแก่งคอย – ชัยภูมิ พักค้างคืนที่ถ้ำเขาพัด มีปัญหาเล็กน้อยจากเครื่องอัฐบริขาร พักปักกลดกลางคืนทําวัตรแล้วนั่งสมาธิ รุ่งเช้าออกบิณฑบาตในหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ๆ กลับที่พัก ฉันอาหารแล้วออกเดินทางต่อ ในระหว่างเดินธุดงค์ ถ้ามีชาวบ้านมาทําบุญท่านก็จะแสดงธรรมเทศนา ท่านจะ ปฏิบัติเช่นนี้เป็นกิจวัตรตลอดเวลาของการธุดงค์ ท่านได้ข้อคิดเป็นสติว่า ยิ่งธุดงค์มากใจก็แข็ง เท้าก็แข็ง
บนเส้นทางแห่งศรัทธา..
ธรรมดีทัวร์
Dhamdeetour.com